วงรอบการเป็นสัดในสุนัขเพศเมีย
ก่อนจะไปดูว่าเราจะพาน้องหมาไปผสมพันธุ์ เราควรจะมาทำความเข้าใจกับวงรอบการเป็นสัดของน้องหมาเพศเมียกันเสียก่อน ระยะเวลาในแต่ละวงรอบการเป็นสัดของน้องหมาโดยรวมจะอยู่ที่ 5-8 เดือน (เฉลี่ยอยู่ที่ 6 เดือน) โดยมากเราแบ่งวงจรการเป็นสัดของน้องหมาไว้ 4 ระยะดังนี้
cc : http://www.vetmed.lsu.edu
- ระยะโปรเอสตรัส (Proestrous) เป็นระยะก่อนผสมจริง โดยจะกินเวลาประมาณ 3-17 วัน (โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9 วัน) เจ้าของจะสังเกตเห็นว่า อวัยวะเพศของน้องหมาเพศเมียจะบวมเต่งแดง มักจะมีเลือดไหลออกมาจากอวัยวะเพศ หรือที่เจ้าของบางท่านเรียกว่าเป็นเมนส์นั่นเอง แต่การเป็นเมนส์ของน้องหมาต่างจากในคนนะคะ ในน้องหมาจะเป็นผลจากที่มีเม็ดเลือดแดงเข้ามาสะสมที่เส้นเลือดฝอยที่มดลูกในช่วงนี้ เพื่อเตรียมพร้อมมดลูกให้พร้อมต่อการผสมพันธุ์ แต่ในคนจะเป็นผลจากการลอกหลุดของผนังมดลูกเพราะหมดวงรอบวงจรการตกไข่ในรอบนั้นๆ ระยะนี้น้องหมาเพศผู้จะแสดงท่าทีสนใจน้องหมาเพศเมีย แต่น้องหมาเพศเมียจะยังไม่ยอมให้ตัวผู้ขึ้นขี่เพื่อผสมพันธุ์ค่ะ
- ระยะเอสตรัส (Estrous) เป็นระยะผสมจริง ซึ่งจะกินเวลา 3-21 วัน (โดยเฉลี่ย คือ 9 วัน) เป็นระยะที่ตัวเมียจะยอมให้ตัวผู้ขึ้นขี่เพื่อผสมพันธุ์ จะเกิดการตกไข่และปฏิสนธิกับอสุจิเป็นตัวอ่อน (ถ้ามีการผสมพันธุ์) ในช่วงนี้ อวัยวะเพศของน้องหมาเพศเมียจะยังบวมอยู่แต่จะเริ่มเหี่ยวลงเมื่อเทียบกับระยะ Proestrus
- ระยะไดเอสตรัส (Diestrous) เป็นระยะหลังผสมพันธุ์ เมื่อเข้าสู่ระยะนี้น้องหมาจะไม่ยอมให้ตัวผู้ขึ้นขี่เพื่อผสมพันธุ์แล้ว ช่วงนี้จะเป็นระยะที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูง ฮอร์โมนนี้จะช่วยทำให้มดลูกของน้องหมาเหมาะสมสำหรับการตั้งท้อง ถ้าน้องหมาผสมพันธุ์มาก็จะตั้งท้อง โดยใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 60 วัน ส่วนในน้องหมาที่ไม่ได้ผสมพันธุ์ระยะนี้จะกินเวลาไม่แน่นอน โดยมากจะอยู่ที่ประมาณ 60-80 วันค่ะ
- ระยะแอนเอสตรัส (Anestrous) เป็นระยะพักของวงจรการเป็นสัด โดยจะเป็นช่วงที่สืบเนื่องต่อมาจากระยะไดเอสตรัส โดยมากจะกินเวลานานประมาณ 90-150 วัน โดยจะเป็นระยะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของระบบสืบพันธุ์ในน้องหมาเพศเมีย จะพบว่าอวัยวะเพศจะมีขนาดปกติ ไม่มีอาการบวมแดง
น้องหมาจะเริ่มเป็นสัดครั้งแรกเมื่ออายุเท่าไหร่ และนำไปผสมได้เลยหรือไม่
น้องหมาเพศเมียจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ และเริ่มแสดงอาการเป็นสัด (อวัยวะเพศบวมแดง มีเมนส์) ครั้งแรกเมื่ออายุ 6-10 เดือน แต่ในบางตัวอาจจะไปเริ่มเข้าวงจรตอนอายุหลัง 1 ปีก็ได้ เมื่อเทียบกัน น้องหมาพันธุ์ใหญ่จะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช้ากว่าน้องหมาพันธุ์เล็กค่ะ แนะนำว่าในการเป็นสัดครั้งแรกหรือน้องหมาอายุยังไม่ถึง 1 ปี ไม่นำไปควรผสมทันที เนื่องจากแม้จะถึงวัยเจริญพันธุ์แล้ว แต่ร่างกายอาจจะยังโตไม่เต็มที่ดี กระดูกเชิงกรานยังขยายไม่เต็มที่ ถ้าน้องหมาท้องก็อาจจะมีปัญหาคลอดยากได้ ดังนั้นถ้าจะนำน้องหมาไปผสมพันธุ์ ควรรอให้เป็นสัดครั้งที่สองหรืออายุเกิน 1 ปีก่อนจะดีกว่าค่ะ
การเพาะพันธุ์สุนัข
หลักการทั่วไปของการเพาะพันธุ์สุนัข คือ ไม่ควรทำการผสมพันธุ์กันระหว่างสุนัขที่มีสายเลือดใกล้ชิดกัน เช่น พ่อหรือแม่กับลูก ซึ่งเรียกว่าการผสมในสายสัมพันธ์ เพราะจะทำให้ลูกสุนัขที่เกิดมามีการรวมเอาสิ่งไม่ดีจากสายเลือดให้มีมากขึ้น เช่น โรคต่าง ๆความไม่แข็งแรงของอวัยวะบางส่วน เป็นต้น ควรดูว่าเป็นสายพันธุ์แท้จริงตามที่ต้องการหรือไม่ โดยตรวจสอบจากใบประวัติสายพันธุ์หรือใบเพดดีกรี นอกจากนี้ไม่ควรผสมพันธุ์สุนัขแบบเปะปะกัน ระหว่างสุนัขพันธุ์โน้นกับพันธุ์นี้ ทำให้เกิดสุนัขพันธุ์ทางขึ้น ซึ่งนอกจาราคาจะไม่ดีแล้วยังเป็นการกระจายสุนัขที่มีสายเลือดไม่แท้ออกไป ผลร้ายก็คือ หากผู้ไม้รู้นำไปขยายพันธุ์ต่อก็จะยิ่งเกิดการกลายพันธุ์หนักข้อขึ้นไปอีก

|
พ่อแม่พันธุ์สุนัขตัวผู้ จะแสดงอาการกระตือรือร้นในเรื่องเพศเมื่ออายุประมาณ 6 - 8เดือน แต่ควรจะรอให้สุนัขโตเต็มที่คือ เมื่ออายุประมาณ 1 ปี ขึ้นไป ควรบำรุงสุนัขพ่อพันธุ์ให้กินอาหารที่มีโปรตีนมาก ๆ ซึ่งได้แก่ เนื้อหรือไข่ และต้องให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่าให้อ้วนหรือผอมจนเกิดไปจนขาดเรี่ยวแรงในการผสมพันธุ์เมื่อสุนัขตัวผู้แข้งแรงก็จะสามรถผลิตอสุจิที่แข็งแรงจะได้ผสมกับไข่จำนวนมาก ในขณะที่เป็นสัด ทำให้ได้ลูกครอกใหญ่ มีลูกหลายตัว สุนัขตัวเมีย ที่จะสามารถทำการผสมพันธุ์ควรมีสุขภาพดี การเลี้ยงดูแลแม่พันธุ์ก็มีความสำคัญมากเช่นกัน เพราะความสมบูรณ์ของแม่จะมีผลโดยตรงกับลูก จึงควรบำรุงแม่พันธุ์ให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ทั้ง โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ โดยเฉพาะวิตามินอี ที่มีผลต่อการสืบพันธุ์และผสมติด แต่ต้องระวังอย่างเลี้ยงจนอ้วน โอกาสผสมสำเร็จจะมีน้อยลงมาก แม่สุนัขสาวที่เริ่มเป็นสัดครั้งแรกยังไม่สมควรให้ผสมพันธุ์เพราะความไม่สมบุรณ์ของร่ายกายยังไม่พร้อมเต้มที่ ควรเว้นไว้สัก 2 รอบของการเป็นสัด พอได้สัดที่ 3 จึงค่อยผสม เพราะความพร้อมของร่ายกายเพียงพอ การเป็นสัดของแม่สุนัขบางตัวอาจจะช้าบางตัวอาจจะเร็ว ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของตัวสุนัขเอง ก่อนการผสมพันธุ์ ควรดูแลให้พ่อแม่พันธุ์สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยได้รับการถ่ายพยาธิ และฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนครบตามขบวนการ โดยเฉพาะโรคไข้หัด และตับอักเสบ ให้กับแม่สุนัข เพื่อให้ลูกสุนัขได้รับภูมิคุ้มกันโรคจากแม่สุนัข

|
การเป็นสัดตามปกติสุนัขตัวเมียจะเป็นสัดปีละ 2 ครั้ง คือ ทุก ๆ 6 เดือน ระยะการเป็นสัดอาจจะสั้นหรือยาว บางตัวอาจจะนานถึง 21 วัน แต่ตามปกติแล้ว 18 วัน การแสดงความกำหนัดของสุนัขแบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะแรกจะเห็นอวัยวะสืบพันธุ์ตัวเมียเริ่มบวมขึ้นทุกที จนมีน้ำเมือกที่มีเลือดปนออกมา ระยะที่สอง สุนัขตัวเมียจะแสดงอาการขี้เล่นกับตัวผู้ บิดหางไปทางด้านข้าง และยอมให้ตัวผู้เข้าผสมพันธุ์ ระยะที่สามคือ ระยะเริ่มหมดกำหนัดซึ่งจะเห็นได้จากการไม่มีน้ำเมือกไหลออกมา การบวมของอวัยวะสืบพันธุ์ยุบลง จนประมาณวันที่ 18 ของการเป็นสัด สุนัขตัวเมียจะไม่ยอมผสมพันธุ์ ซึ่งเรียกว่า หมดฤดู

|
การผสม
การผสมพันธุ์ควรเริ่มผสมประมาณวันที่ 10 ถึง 14 หลังจากเริ่มเป็นสัด คือระยะที่สองของการเป็นสัด การผสมอาจจะทำเพียงครั้งเดียวก็พอ แต่ส่วนมากต้องการให้ได้ผลที่แน่นอนจึงผสม 2 ครั้ง ห่างกัน 24 ชั่วโมง การผสมตัวผู้จะขึ้นคร่อมโดยใช้ขาหน้ารัดเอวตัวเมีย บางตัวขาดประสบการณ์ทำให้สอดใส่อวัยวะเพศได้ไม่ถูกต้อง เจ้าของจำต้องช่วยนำทางบางครั้งจนกว่าจะทำได้สำเร็จ ซึ่งตัวผู้จะตาอวัยวะเพศค้างไว้ในช่องคลอดตัวเมียเป็นเวลานาน 20 ถึง 30 นาที หรือที่เรียกว่า "ติด" ทั้งนี้เพื่อให้น้ำเชื้ออสุจิจากตัวผู้เข้าสู่มดลูกของตัวเมียได้สะดวก หลังจากนั้นก็จะหลุดออกมาเองโดยอัตโนมัติ การนำสุนัขตัวเมียไปผสมพันธุ์กับสุนัขตัวผู้ที่อื่นควรนำสุนัขไปก่อนจะมีกำหนดประมาณ 7 วัน เพื่อให้สุนัขได้คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสุนัขตัวผู้นั้นด้วย และเมื่อผสมพันธุ์แล้ว 4 วัน ก็ควรถ่ายพยาธิอีกครั้ง

|
การตั้งท้อง
หลังจากผสมพันธุ์แล้วประมาณ 1 เดือน ถ้าสุนัขท้องจะเห็นเต้านมขยายใหญ่ หัวนมเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีชมพู ต่อมาบริเวณช่องท้องชายโครงจะขยายกางออกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อท้องไปได้ประมาณ เดือนครึ่งแม่สุนัขจะเริ่มเปลี่ยนทั้งร่ายกาย และจิตใจ คือ นิสัยจะสงบลง ไม่กระโดดโลดเต้นเหมือนเคย เพราะท้องโตกินอาหารมากขึ้น นอนมากขึ้น หามุมสงบ และนอนพักผ่อน ไม่ควรไล่จับสุนัขหรือทำให้สุนัขดิ้นแรง หรือลูบคลำบีบท้องเพื่อดูว่าท้องหรือไม่บ่อยๆ หรือทำสุนัขตกจากที่สูง ตลอดจนอาบน้ำ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสุนัขอย่างกะทันหัน เพราะจะทำให้แม่สุนัขแท้งลูกได้ ถ้าแม่สุนัขท้องเนื้อตัวสกปรกก็ควรเอาผ้าชุบน้ำอุ่น ๆเช็ดให้สะอาดก็พอ ระยะสุนัขตั้งท้องนี้ควรให้อาหารที่มีคุณภาพดี และมีปริมาณเพียงพอสำหรับแม่และลูกในท้อง แต่อย่าให้มากจนแม่สุนัขอ้วน และเมื่อถึงเวลาอีก 7 วันจะคลอด ต้องให้อาหารโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน รวมทั้งปริมาณให้พอเพียงจริง ๆ คือเพิ่ม 20% เพราะระยะนี้ลูกสุนัขในท้องจะเจริญเติบโตอย่างรวมเร็ว สิ่งที่เจ้าของต้องจัดการคือ เตรียมสถานที่คลอดลูก เช่น กรงหรือห้องที่เป็นสัดส่วนอยู่ในมุมสงบ ใช้ผ้า หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ปูหลาย ๆ ชั้น จากนั้นหัดให้แม่สุนัขในสถานที่ หรือนอนในที่ดังกล่าวจนเคยชิน

|
การคลอด
สุนัขทั่วไป จะตั้งท้องนาน 58 ถึง 63 วัน ก่อนการครบกำหนดคลอดแม่สุนัขอาจจะแสดงอาการเบื่ออาหารขุดคุ้ยหาที่หรือรังเพื่อคลอดลูก หัวนมขยายใหญ่ และมีน้ำนมซึมไหลออกมาด้วย บางครั้งอาจมีน้ำเมือกใสๆ ซึมออกมาจากช่องคลอดด้วย เมื่อครบกำหนดคลอดแม่สุนัขจะนอนเบ่งในรัง หลังจากมีการเบ่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง จึงจะเห็นลูกสุนัข ตัวแรกคลอดออกมาโดยถุงน้ำคล่ำจะโผล่ออกมาก่อน ส่วนใหญ่แล้วลูกสุนัขจะคลอดด้วยท่าทางที่เอาหัวออกมาก่อน พร้อมกับรกซึ่งมีสายสะดือติดอยู่ปกติแล้ว แม่สุนัขจะกัดถุงน้ำคร่ำ และสายสะดือให้ขาด พร้อมกับเลียตัวลูกสุนัขเพื่อทำความสะอาด ถ้าแม่สุนัขไม่ทำให้ถุงน้ำคร่ำแตกออกผู้ที่ทำการคลอดซึ่งทำความสะอาดมือด้วยสบู่ ก็ควรแกะถุงน้ำออกแล้วเอาหัวสุนัขออกจากถุงก่อน ต่อมาจึงลอกถุงออกจนหมดจากลำตัวเช็ดน้ำเมือกที่หน้าด้วยผ้าสะอาด เช็ดที่หน้าอก ลำตัว และด้านข้างเพื่อกระตุ้นการหายใจการหายใจก็จะเริ่มทันทีโดยการร้องขึ้นถ้าสุนัขไม่ร้องก้ให้อุ้มสุนัขเอาหัวลง เพื่อให้น้ำและของเหลวต่างๆ ไหลออกจากปาก และจมูกต่อไป จากนั้นจึงมัดสายสะดือ และตัดด้วยมีดที่สะอาดป้ายยาทิงเจอร์ไอโอดีน คืนลูกสุนัขโดยส่งที่หัวนม ให้ลูกสุนัขคลำหาหัวนมดูดกินน้ำนมแม่ในระยะแรกนี้เรียกว่า " น้ำนมเหลือง " มีความจำเป็นแก่ลูกสุนัขอย่างมหาศาล เพราะอุดมไปด้วยภูมิคุ้มกันต่างๆ เมื่อลูกสุนัขตัวแรกคลอดออกมาตามปกติแล้วตัวอื่นๆ ก็จะค่อยๆ ตามมา ระยะห่างระหว่างแต่ละตัวไม่แน่นอน ตั้งแต่ 10 นาที ถึง 30 นาที สุนัขบางตัวคลอดลูกทั้งครอกเสร็จภายในครึ่งชั่วโมง แต่บางตัวอาจจะนานถึง 8 ชั่วโมง ส่วนสุนัขพันธุ์ใหญ่บางทีต้องใช้เวลาถึง 1 วัน จึงจะคลอดหมด จำนวนลูกสุนัขต่อครอกนั้นไม่แน่นอน แต่เฉลี่ยแล้ว 5 ถึง 7 ตัว มากหรือน้อยกว่านี้ก็มีได้ ทั้งนี้แล้วแต่พันธุ์ และสุขภาพของแม่สุนัขแต่ละตัว
:: สถานที่คลอดของสุนัข :: พฤติกรรมของสุนัขที่สำคัญในขณะที่กำลังใกล้ จะถึงวันคลอด แม่สุนัข จะพยายามเตรียมหาสถานที่ที่จะคลอดลูก ของมันไว้ล่วงหน้า ถ้าเราไม่ได้เตรียมที่คลอดให้กับมัน มันจะเสาะหาเองโดยใช บริเวณที่ลับตาคน และสัตว์อื่นทั่วไป เช่น ในโรงรถ โคนต้นไม้ใหญ่ ใต้ถุนบ้าน เพื่อเป็นการถูก สุขลักษณะ และป้องกันไม่ให้ลูกสุนัขได้รับอันตราย ควรเตรียมบ้าน ไว้ให้มัน โดยดัดแปลงจากกรงที่ใช้ขัง เสริมด้วยพื้นที่อ่อนนุ่ม และทำความ สะอาดง่าย เช่น ผ้ายาง เมื่อสังเกตเห็นว่าใกล้เวลาคลอดเต็มที่แล้วจึงนำ สุนัขท้องแก่ของเราไปขังไว้รอจนกว่ามันจะคลอดเสร็จ และเข้าที่เรียบร้อย จะให้มันออกได้
http://www.bkk1.in.th/Topic.aspx?TopicID=51282
http://dogclub.in.th/2011/06/29/%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%
B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%
B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%
B8%9C%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%
B9%8C%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2/
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น