วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

เกรดอาหารสุนัข

หลักการแบ่งเกรดอาหารสุนัข 
PREMIUM GRADE 

 อาหารสุนัขยี่ห้อต่างๆ ในปัจจุบัน(2007) นั้น แต่ละบริษัทก็ทำการตลาดด้วยการผลิต อาหารสุนัขที่มีเกรดดีขึ้นกว่าเเต่ก่อน และตั้งต้นด้วยการผลิตสินค้าที่มีเกรด Premium เป็นอย่างน้อย

เกรดพรีเมี่ยม คือ การที่นำส่วนผสมต่างๆ ที่ถูกคัดสรรแล้วว่าค่อนข้างดี มาปรุงแต่งเป็นสินค้า โดยมีวัตถุประสงค์ในการขาย ให้กับผู้ซื้อระดับกลางขึ้นไป ดังนั้นสินค้าต้องมีมาตรฐานที่ดีพอสมควร และ มีความสะอาด มีการรับรองสินค้า (การันตี) และ มีส่วนผสม สารอาหารครบถ้วนตามที่ระบุด้านข้าง มีการบ่งบอกอายุสินค้า มีการระบุสถานที่ผลิต และเบอร์โทรฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ อีกด้วย]

HOLLISTIC GRADE
         โฮลิสติก คือเกรดสินค้าอาหารที่มีส่วนผสมของอาหาร เช่น โปรตีนจากเนื้อไก่ แกะ และปลาเเซลมอน หรือ อื่นๆ ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าเกรดพรีเมี่ยม โดยวิเคราะห์จากกรดอะมิโนต่างๆ ที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และพัฒนาการของสุนัข เพื่อให้ได้สุขภาพที่แข็งแรงที่สุด บางยี่ห้ออาจจะมีส่วนผสมของ กรดไขมัน ประเภท DHA อีกด้วยคะ จากนั้นส่วนผสมที่ใส่เพิ่มลงไป จะเป็นพวกพืชที่มีประโยชน์ และวิตามินบางตัว เพื่อให้อาหารนั้นมีคุณค่าครบทุกด้าน

ในบางยี่ห้อนั้น จะแบ่งสูตรอาหารโฮลิสติก ออกเป็นหลายๆ สูตร อันนี้ไม่ได้ระบุในเกรดว่าจะต้องแบ่ง แต่เป็นข้อเสนอ ที่ทางบริษัทผู้ผลิตนำเสนอให้กับกลุ่มลูกค้า เช่น สูตรบำรุงรักษาผิวหนัง และขน สำหรับสุนัขที่ต้องการขนสวยมากๆ ก็จะใส่ส่วนผสมที่มีคุณค่าด้านผิวหนัง และขนมากกว่า ส่วนผสมอื่นๆ (ซึ่งส่วนผสมด้านอื่นๆ จะน้อยลงไป) ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีอีกหลายๆ สูตร แต่ไม่ใช่สาระสำคัญของเกรดอาหาร

 ULTRA HOLLISTIC         เกรดนี้คล้ายๆ กับ เกรดฮอลลิสติก คะ เพียงแต่คุณค่าทางสารอาหารจะมีมากกว่า เกรดโฮลิสติก และมีการเลือกสรรวัตถุดิบ ที่ส่งเสริมจุดเด่นด้านนี้ ยกตัวอย่างเช่น ปลา 1 ตัว แต่ละส่วนของปลาก็มีคุณค่าไม่เท่ากัน จึงเลือกส่วนที่มีคุณค่ามากๆ มาใช้ ทำอาหาร เป็นต้น เกรดนี้ ก็มีการแบ่งเป็นสูตรย่อยๆ อีก เหมือนฮอลลิสติก เช่นเดียวกัน

 ORGANIC GRADE         สั้นๆ ง่ายๆ สำหรับผลิตภัณฑ์เกรดนี้ คือ การเลือกสรรวัตถุดิบ ต้องมาจากฟาร์ม หรือแหล่งผลิตที่ผลิตตามธรรมชาติ คือ ไม่มีการใช้สารเคมี สารเร่ง อะไรทั้งสิ้น ดังนั้นการผลิต จึงมีความลำบากในเรื่องของปริมาณการผลิต ที่ได้ผลผลิตน้อยกว่าแบบอื่นๆ ดูแลลำบากกว่า แต่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ไม่ต้องการอาหารที่มีวิทยาศาสตร์ปน หรือมีเคมีปนลงไปเลย ดังนั้น ในเมื่อ จำนวนวัตถุดิบมีน้อย แต่ความต้องการของตลาดมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ราคาวัตถุดิบถีบตัวสูงขึ้น และ ราคาสินค้าอาหารชนิดนี้ ก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น ตามไปด้วย

   13 อันดับประเภทอาหารสุนัข เรียงตามลำดับจากดีที่สุดถึงแย่ที่สุด
      โดย Dr.Karen Becker (สัตวแพทย์)
  1. อาหารสดหรืออาหารดิบ (raw) ที่ได้สมดุลย์ และทำเองในบ้าน
    อาหารที่่ทำเองย่อมเป็นอาหารที่ดีที่สุดเนื่องจากเราสามารถคัดสรรวัตถุดิบทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ต่างๆ เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับสุนัขของคุณ ปัจจุบันมีหนังสือเกี่ยวกับการทำอาหารให้สุนัข และมีหลายเว็บไซต์ที่รวมสูตรอาหารสำหรับสุนัข ลอง search หาคำว่า BARF (Biologically Appropriate Raw Food) อาหารสดหรือดิบดีกว่าตรงที่ไม่ผ่านความร้อนทำให้เอนไซม์และวิตามินเกลือแร่ต่างๆยังอยู่ครบ  อาหารสดหรือดิบที่ทำเองควรมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนและหลากหลาย ข้อดีอีกอย่างคือคุณสามารถซื้อหาโดยเฉพาะผักและผลไม้ตลอดจนเนื้อสัตว์ ได้ในราคาถูกหากเลือกซื้อตามฤดูกาล ทำให้การเลี้ยงสุนัขด้วยอาหารลักษณะนี้ไม่แพงอย่างที่คิด
  2. อาหารสดที่ทำขายในท้องตลาด (Raw food diet)
    ข้อสำคัญคือเรื่องของความสมดุลย์ของอาหาร เพราะมีหลายยี่ห้อที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานว่ามีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน สังเกตได้ว่าที่ฉลากมักเขียนว่า "For supplementation or intermittent feeding" แต่ถ้าเป็นอาหารสดที่ดีนั้นจะเขียนระบุที่ฉลากชัดเจนว่า "This food has been proven to be nutritionally complete or adequate for all life stages."

    ในปัจจุบันอาหารลักษณะนี้หาซื้อได้ยาก มักมาในรูปของการแช่แข็ง มีขายในร้านอาหารสุนัขเฉพาะกลุ่ม หรือร้านออนไลน์ ไม่มีขายทั่วไปตามห้างสรรพสินค้าหรือซุปเปอร์มาเก็ต
  3. อาหารปรุงสุกในบ้าน
    ลักษณะคล้ายอาหารในข้อที่ 1 ต่างกันตรงที่นำมาผ่านความร้อนเพื่อให้สุก นั่นหมายความว่าอาจสูญเสียวิตามินเกลือแร่บางส่วนไป
  4. อาหารกระป๋องเกรดเดียวกับอาหารกระป๋องที่คนสามารถรับประทานได้หรือ Human-grade canned food
    หากอ่านฉลากแล้วไม่พบคำว่า the ingredients are human grade แปลว่า นั่นไม่ใช่อาหารที่ดีแล้วล่ะ อาหารกระป๋องกลุ่มนี้ราคาค่อนข้างสูง เหมาะกับคนรวยแต่ไม่มีเวลา แต่หากไม่รวยแต่มีเวลาแล้วล่ะก็ทำอาหารให้สุนัขทานเองจะดีกว่า
  5. อาหารเม็ดเกรดเดียวกับอาหารคนหรือ Human-grade dry food
    ถึงแม้ว่าอาหารเม็ดจะไม่เหมาะนำมารับประทานเท่าอาหารสด ดังนั้นควรเลือกอาหารเม็ดที่นำส่วนผสมแบบเดียวกับที่คนสามารถทานได้ นั่นแปลว่าส่วนผสมจะไม่มีการนำผลพลอยได้(by-products) จากเนื้อสัตว์หรือจากพืชมาปน
  6. อาหารกระป๋องเกรด super premium ที่ขายตามร้านอาหารสุนัขทั่วไปหรือตามห้างร้านใหญ่ๆ
  7. อาหารเม็ดเกรด Super premium
  8. อาหารกระป๋องที่สัตวแพทย์แนะนำ หรือ Veterinary-recommended canned foodหาซื้อได้ตามคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ ซึ่งยี่ห้อทั่วไปที่พบตามคลินิกหรือโรงพยาบาลคือ Science Diet, the Purina veterinary lines, Royal Canin and Waltham.
  9. อาหารเม็ดที่สัตวแพทย์แนะนำ หรือ Veterinary-recommended dry food
  10. อาหารกระป๋องที่ขายทั่วไป หรือ Grocery store brand canned food
  11. อาหารเม็ดที่ขายทั่วไป หรือ Grocery store brand dry food
  12. อาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวหรือ Semi-moist pouched food
    สาเหตุที่อาหารกลุ่มนี้อยู่ลำดับล่างเลยก็เพราะ มีการใส่สารกันบูดที่ชื่อ propylene glycol เป็นอะไรที่น่ากลัวมากไม่ต่างจากสารอันตรายอย่าง ethylene glycol ถึงแม้จะมีการยอมรับในวงการอาหารสุนัขให้ใช้ propylene glycol ได้ แต่คงไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพสุนัข จึงไม่แนะนำให้สุนัขรับประทานอาหารใดก็ตามที่มีส่วนผสมของสารเคมีตัวนี้
  13. อันดับสุดท้ายหรืออาหารที่แย่สุดๆคืออาหารที่ทำในบ้านอย่างขาดความรู้ อาจส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิตสุนัขได

เครดิต http://www.ladysquare.com/forum_posts.asp?TID=100851
     
             http://www.feedmeplease.com/th/articles/13-best-to-worst-food-for-dog.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น